เกศสุรางค์นักโบราณคดีสาววัย 25 ปี มีความรู้ ภาษาฝรั่งเศส เป็นอย่างดี เธอมีเพื่อนสนิทที่แอบชอบอยู่คือเรืองฤทธิ์ วันหนึ่งทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ ภายหลังจากต้องหนีวิญญาณของหญิงสาวคนหนึ่ง ขณะเดียวกันในรัชกาล สมเด็จพระนารายณ์มหาราช แม่หญิงการะเกดซึ่งเป็นคู่หมั้นคู่หมายของพ่อเดชรู้สึกอิจฉาริษยาต่อแม่หญิงจันทร์วาด บุตรสาวของโกษาเหล็ก เธอจึงสั่งให้บ่าวคนสนิทอย่างนางผินและนางแย้มไปล่มเรือแต่คนที่เสียชีวิตครั้งนี้คือนางแดง บ่าวของแม่หญิงจันทร์วาดส่วนแม่หญิงจันทร์วาดรอดชีวิต ออกญาโหราธิบดีซึ่งเป็นบิดาของพ่อเดชไม่เชื่อในคำกล่าวหาของลูกชายจึงพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของแม่หญิงการะเกดด้วยการร่ายมนต์กฤษณะกาลี ผู้ใดที่คิดร้ายจะสิ้นใจตายซึ่งก็มีผลทำให้แม่หญิงการะเกดสิ้นใจตาย วิญญาณของแม่หญิงการะเกดหลุดออกจากร่างไปพบกับวิญญาณของเกศสุรางค์ แม่หญิงการะเกดสำนึกตัวเอง ขอให้เกศสุรางค์ทำความดีเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าแม่หญิงการะเกดก็ทำความดีได้และกลับไปเข้าร่างแม่หญิงการะเกด พอเกศสุรางค์ตื่นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในร่างแม่หญิงการะเกด
เกศสุรางค์ในร่างแม่หญิงการะเกดได้ทำความคุ้นเคยกับพ่อเดช ทำให้พ่อเดชเริ่มคลายความเกลียดชัง ต่อมาแม่หญิงการะเกดได้พบกับหมื่นเรืองราชภักดีซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับเรืองฤทธิ์เพื่อนสนิทในยุคปัจจุบันที่เธอแอบชอบและเกศสุรางค์ยังได้รู้จักกับ ” แม่มะลิ” (มารี กีมาร์ ท้าวทองกีบม้า) ขณะที่คุณพ่อของเธอคือฟานิก ถูกคนของออกหลวงสุรสาคร ข้าราชการชาวกรีกรังแกเพราะหวังจะให้ยกลูกสาวให้ เกศสุรางค์ช่วยโต้เถียงเป็นภาษาฝรั่งเศสจนเป็นที่เป็นเรื่องฮือฮาแต่ในที่สุดแม่มะลิก็ต้องแต่งงานกับออกหลวงสุรสาครหรือ คอนสแตนติน ฟอลคอน ด้วยความจำใจ จากนั้นเกศสุรางค์ได้กระทำหลายสิ่งหลายอย่างจนเป็นที่โจษจันในหมู่ชาวบ้าน ขณะเดียวกันเกศสุรางค์ยังได้พบกับบุคคลในประวัติศาสตร์อีกหลายท่านอาทิ (ออกหลวงสรศักดิ์ พระเจ้าเสือ), (ออกพระเพทราชา สมเด็จพระเพทราชา), (โกษาปาน พระยาวิสูตรสุนทร), (โกษาเหล็ก) เป็นต้น ต่อมาหมื่นสุนทรเทวาได้อวยยศขึ้นเป็น “ขุนศรีวิสารวาจา” ก็ได้กราบเรียนออกญาโหราธิบดีและคุณหญิงจำปาผู้เป็นมารดาว่าจะแต่งงานกับเกศสุรางค์ในร่างแม่หญิงการะเกด ทำให้วิญญาณของแม่หญิงการะเกดเสียใจมากและมาตัดพ้อกับเกศสุรางค์ว่าจะแย่งพ่อเดชไปจากตน ทำให้เกศสุรางค์ต้องรับปากแม่หญิงการะเกดด้วยการปฏิเสธไปทั้งๆ ที่รักพ่อเดชแต่ในที่สุดความดีที่เกศสุรางค์ได้ทำไว้ก็ส่งผลให้วิญญาณของแม่หญิงการะเกดจะได้ไปเกิดใหม่ ทำให้แม่หญิงการะเกดตัดสินใจยกพ่อเดชให้เกศสุรางค์ ต่อมาขุนศรีวิสารวาจาต้องเป็นตรีทูตไปฝรั่งเศส เกศสุรางค์จึงยกหมอนที่ตัวเองหนุนนอนให้ออกขุนศรีไว้ดูต่างหน้ากระทั่งออกขุนศรีกลับมายังกรุงศรีอยุธยาก็ได้รับการอวยยศเป็น “พระศรีวิสารสุนทร” อีกด้านยศหมื่นเรืองราชภักดีได้อวยยศเป็น “ขุนเรืองอภัยภักดี” ก็พยายามจะสานสัมพันธ์กับแม่หญิงจันทร์วาดหลังจากที่โกษาเหล็ก ซึ่งดำรงตำแหน่งสมุหพระกลาโหมและควบตำแหน่งเจ้ากรมคลังถูกโบยจนเสียชีวิตเนื่องจากคดีรับสินบนตามคำทูลฟ้องของออกหลวงสุรสาคร ซึ่งต่อมาได้รับการอวยยศเป็น “ออกพระฤทธิ์กำแหง” จนถูกริบทรัพย์แต่คุณหญิงนิ่มภรรยาของโกษาเหล็กและเป็นมารดาของแม่หญิงจันทร์วาดไม่ชอบใจเพราะขุนเรืองเป็นบุตรชายของคุณพระเรือนแพไม่คู่ควรกับบุตรสาวของตน ขุนเรืองจึงขอความช่วยเหลือจากเกศสุรางค์ เธอจึงให้ขุนเรืองหาสิ่งของไปกำนัลเพื่อเอาชนะใจคุณหญิงนิ่มจนในที่สุดคุณหญิงนิ่มก็ใจอ่อนยอมยกแม่หญิงจันทร์วาดให้กับขุนเรือง จากนั้นไม่นานขุนเรืองอภัยภักดีก็ได้รับการอวยยศเป็น “ขุนเรืองณรงค์เดชา” วันหนึ่งเกศสุรางค์พบบทสวดมนต์กฤษณะกาลีในห้องทำงานของออกญาโหราธิบดีแต่เมื่อเธอแตะมือลง ทำให้วิญญาณออกจากร่าง พ่อเดชเข้ามาพอดีและเห็นร่างไร้วิญญาณของแม่หญิงการะเกดก็อุ้มนางเข้าไปทำพิธีร่ายมนต์กฤษณะกาลีส่วนวิญญาณของเกศสุรางค์ล่องลอยอยู่ไร้จุดหมาย อาจารย์ชีปะขาวก็อธิบายให้วิญญาณของเกศสุรางค์จนได้รู้ว่าตนเองนั้นมีฝาแฝดและส่งเธอกลับมายังยุคปัจจุบันจนได้พบว่าเรืองฤทธิ์ขอบวชตลอดชีวิต เกศสุรางค์เห็นเงาของพ่อเดชในร่างของเรืองฤทธิ์จึงรู้ว่าเรืองฤทธิ์คือพ่อเดชมาเกิดใหม่ เกศสุรางค์ได้ยินมนต์กฤษณะกาลีอีกครั้ง เธอรู้ว่าไม่สามารถใช้ชีวิตในปัจจุบันได้แล้วจึงกราบลาคุณแม่และคุณยายกลับไปยังร่างแม่หญิงการะเกดอีกครั้ง พอฟื้นขึ้นมาในอดีตชาติพบว่าพ่อเดชนั่งท่องมนต์มาหลายวันก็สวมกอดร่างของเธอเอาไว้แน่น พ่อเดชไม่สนใจว่าเธอเป็นใครมาจากไหนและบอกว่าจะรักเธอตลอดไป